วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
1.รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกได้ตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 แบบดังต่อไปนี้คือ
1.1เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิจิทัล, กล้องถ่ายวีดิทัศน์, เครื่องเอ็กซเรย์
1.2เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลเป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น เทปแม่เหล็ก, จานแม่เหล็ก, จานแสงหรือจานเลเซอร์, บัตรเอทีเอ็ม
1.3เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
1.4เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล เช่น เช่น เครื่องพิมพ์, จอภาพ, พลอตเตอร์ ฯลฯ
1.5เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
1.6เทคโนโลยีที่ใช้ถ่ายถอดหรือสื่อสารข้อมูล ได้แก่ ระบบโทรคมนาคมต่างๆ เช่น โทรทัศน์, วิทยุกระจายเสียง, โทรเลข, เทเล็กซ์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเท
มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆทั้งในทางธุรกิจและทางการศึกษา ดังตัวอย่างเช่น
-ระบบเอทีเอ็ม
-การบริการและทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
-การลงทะเบียนเรียน
พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเท
คือการแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่างๆได้แก่ ภาพ ข้อความ หรือตัวอักษร ตัวเลขและภาพเคลื่อนไหว เป็นยต้น
การใช้อินเตอร์เน็ต
งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา พบว่า
นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา
ใช้อินเตอร์เน็ต ทำอะไรได้บ้าง
งานวิจัยชี้ว่านักศึกษาใช้อินเตอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆและการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด
นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มพูนความรู้และประกอบการทำรายงาน
สถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
งานวิจัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านและมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน

นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยในรูปแบบไหนบ้าง?
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เหล่านี้น้อยได้แก่ ฐานข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-Learning วิดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)
เป็นการศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต (Internet หรือ อินทราเน็ต) เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสามารถและความสนใจของตนเอง โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง วีดิโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับในชั้นเรียนปกติโดยอาศัยเครื่องมือติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยสำหรับทุกคน โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ (Learning for all: anyone, anywhere and anytime)
2.บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
CAI คือ บทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจารณาเป็นอย่างดีโดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ แบบฝึกหัด การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามรถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดียซึ่งประกอบด้วยอักษร รูปภาพ เสียงหรือทั้งภาพและเสียง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้ในการออกแบบ โดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ (Learning Behavior)
ทฤษฎีการเสริมแรง (Reinforcement Thoery)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ (Operant Conditioning Theory) ซึ่งคือความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเองและมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน
3. วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand -VOD)
คือระบบการเรียกดูภาพยนตร์ตามสั่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนต์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ ตามสโลแกนที่ว่า
“ To view what one wants, when one wants”. โดยสามารถใช้งานได้จากเครือข่ายสื่อสาร
(Telecommunications Networks) ผู้ใช้งานซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย (Vedio Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อตามความต้องการ และสามรถควบคุมข้อมูลวีดิโอนั้นๆโดยสามารถย้อนกลับ (Rewind) หรือกรอไปข้างหน้า (Forward) หรือหยุดชั่วคราว (Pause) ได้ เปรียบเสมือนการดูวีดิโอที่บ้านนั้นเองทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกัน กล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกันหรือต่างกันได้
4.หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทาลอินเตอร์เน็ตโดยมีเครื่องมือที่จำเป็นคือ ฮาร์ดแวร์
ส่วนการดึงข้อมูล e-Books ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะไฟล์ของ e-Books หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง e-Books จะสามารถเลือกได้ 4 รูปแบบคือ Hyper Text Markup Language (HTML), Portable Document Format (PDF), Peanut Markup Language (PML) และ Extensive Markup Language (XML)

5.ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี้
1.การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
2.ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
3.บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
4.ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สารสนเทศ
ความหมาย
           สารสนเทศหมายถึงข่าวสารที่สำคัญเป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทำขึ้นภายในองค์การต่างๆตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ
 สารสนเทศ ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Information หมายถึง ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า สารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษ ทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้ปฏิบัติ
           สารสนเทศมีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่เปรียบเทียบและวิเคราะห์แล้วสามารถนำมาใช้ได้หรือนำมาประกอบการพิจารณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า
            เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที(IT)
เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การปรมวลผลและการแสดงผลสารสนเทศ
องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย องค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสือ่สารโทรคมนาคม
1.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก การจัดเก็บ การประมวลผล การแสดงผล และการสืบค้นหาข้อมูลสารสนเทศเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้ 2 ส่วน คือเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
1.เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เพื่อเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น 4 ส่วน คือ
(1) หน่วยรับข้อมูล
(2) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู : CPU (Central Processing Unit)
(3) หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit)
(4) หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage Unit)
2.เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ (Software)
หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
     1) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Soft ware)
    หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ทำงานตามคำสั่ง
2)ซอฟท์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
2.เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป เช่น ระบบโทรศัพท์ ระบบดาวเทียม ระบบเครือข่ายเคเบิล และระบบสื่อสารอื่นๆ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน
ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
-แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับพิเศษ (2520-2524) การมีส่วนร่วมของสารสนเทศเพื่อการศึกษา
-มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฏิบัติการของรบบสารสนเทศเพื่อการศึกษาขึ้น
-ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 ก็ได้มีการเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการมากขึ้น
 ในแผนฯ9มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา
  • แผนพัฒนาฯข้างต้นทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวงการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียมทั่วถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่อง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า
  • พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
  • ยุคที่1 (การประมวลผลข้อมูล) มีวัตถุประสงค์เพื่อการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลของรายการประจะ (Transaction Processing) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านตัวบุคลากร
  • ยุคที่2 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัด มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจ ควบคุมดำเนินการ ติดตามผลและวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่างๆ
  • ยุคที่3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเรียกใช้สารสนเทศที่จะช่วยในการตัดสินใจนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
  • ยุคที่4 ยุคปัจจุบัน หรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และระการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศและเน้นความคิดของการให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นวัตถุประสงค์สำคัญ
  • ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
1.ให้ความรู้ ทำให้เกิดความคิดความเข้าใจ
2.ใช้ในการวางแผนในการบริหารงาน
3.ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
4.ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการที่จะเกิดขึ้น
5.เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ
  • สรุป
          การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในวงการศึกษามีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่น ดาวเที่ยมสื่อสาร ใยแก้วนำแสง อินเทอร์เน็ต ก่อให้เกิดระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารงานในสถานศึกษาด้านต่างๆ เช่นระบบบริหารจัดการห้องสมุด และระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษายังช่วยให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำ ของโอกาสทางการศึกษาการเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี
วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
Information and Communication Technology for Teacher
รหัส PC54505          3(2-2-5)

คำอธิบายรายวิชา
             ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ก ระบบซอฟต์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

1.ชื่อหนังสือ
   1.1 Davis is Drug Guide for Nurses
   1.2 Dimensional Analysis for meds
   1.3  Inquiry into Life
   1.4 Principles of Genetics
   1.5 Physiology of Behavior
 
2. cyber bully  คืออะไร
    
          ดร.โจเอล ฮาเบอร์ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเรื่องการข่มเหงรังแกทางอินเตอร์เน็ตกล่าวว่างานวิจัยเช่นของที่อิบาร์รานำเสนอออกมาไม่ได้สะท้อนอันตรายที่เด็กวัยรุ่นต้องเจอเวลาอยู่กับอินเตอร์เน็ต
             ฮาเบอร์บอกว่าการรังแกกันในโลกจริงคือการที่คนๆ หนึ่งใช้อำนาจข่มเหงต่อเหยื่อซ้ำๆส่วนในโลกออนไลน์นั้นอำนาจที่ว่าขึ้นอยู่กับว่าเด็กวัยรุ่นคนนั้นเป็นที่นิยมมากแค่ไหนในโลกดิจิตอลยกตัวอย่างเช่นในเฟสบุ๊ค การที่คนๆหนึ่งมีเพื่อนมากหมายความว่าพวกเขามีสถานะที่ดีกว่าคนจำนวนมากรวมถึงเหยื่อที่โดนรังแกเองคิดว่าการข่มเหงรังแกทางอินเตอร์เน็ตต้องเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งถึงจะเรียกว่าเป็นการข่มเหงรังแกแต่ในบางกรณีแล้วเมื่อมันเกิดขึ้นแค่เพียงครั้งเดียวก็มีผลต่ออีโก้และความการเห็นคุณค่าในตัวเองของคนๆหนึ่งได้และการเกิดกรณีดังกล่าวก็เกิดขึ้นหลายครั้งมากกว่าที่คิดอาจเป็นไปได้ว่าวัยรุ่นหรือพ่อแม่ไม่เห็นว่ามันเป็นภัยที่รุนแรงพอต้องแจ้งให้ทราบในการวิจัยชิ้นล่าสุดแม้จะมีการบอกว่ากรณีรายงานการข่มเหงทางอินเตอร์เน็ตหลายกรณีเป็นการรายงานเกินจริงแต่ก็พบว่ามีวัยรุ่นเกือบครึ่งหนึ่งรายงานว่าตนเป็นเหยื่อของการข่มเหงรังแกทางอินเตอร์เน็ตอย่างน้อยหนึ่งครั้ง